รายได้เสริม

https://iqoption.com/lp/get-started/en/?aff=41926&afftrack=Thailand

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เทรด IQ Binary Option ยังงัยให้ยั่งยืน


เทรดยังงัยให้ยั่งยืน มีหลายคนสงสัยว่า การเทรด IQ Binary Option มันจะสร้างรายได้ จริงหรือไม่
แต่คุณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนทักษะและความเข้าใจในกระบวนการวิ่งของคู่เงินให้ดีก่อนน่ะค่ะ
ไม่ใช่ว่าสมัครแล้วจะทำเงินได้ทันที ส่วนใหญ่ที่ทำเงินได้ทันที คือ ฟลุ๊ค ค่ะ
อย่าท้อค่ะ ในเมื่อเราต้องการอิสระภาพทางการเงิน เราก็จำเป็นต้องทำการฝึกทักษะให้เก่งให้ได้ และรวยได้ ทุกคนทำได้ค่ะ เริ่มต้นฝึกฝีมือกันตั้งแต่วันนี้ได้แล้วค่ะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
คุณสามารถฝึกทักษะในการเทรด IQ Binary ได้ฟรี ตลอดเวลา ไม่เสียเงินน่ะค่ะ แต่ถ้าคุณต้องการทำเงินจริงๆ ก็ต้องลงทุนเพียง 350 บาทเท่านั้น ก็สามารถทำกำไรได้แล้วค่ะ
ลงทะเบียนได้ฟรีที่เว็บได้เลย

https://affiliate.iqoption.com/redir/?aff=41926&afftrack=Rojjana



วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สัญญาณให้ขาย ในการเทรด IQ Option

สัญญาณให้ขาย ในการเทรด IQ Option

สัญญาณให้ขายเมื่อราคาปิดต่ำกว่าระดับแนวรับ

  โดยปกติแล้ว หลังจากที่ราคาวิ่งผ่านเส้นแนวโน้มไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ก็มักจะมีการถอยกลับมาหาเส้นแนวโน้มนั้นอีกครั้ง จุดที่ราคาหมุนกลับนั้นจะกลายเป็นระดับแนวรับหรือแนวต้านไปโดยปริยาย สัญญาณซื้อหรือขายครั้งที่สองจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อราคาวิ่งผ่านระดับแนวรับ หรือแนวต้านที่เพิ่งเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อราคาวิ่งผ่านระดับแนวรับ หรือแนวต้านที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ และยังจะเป็นสัญญาณยืนยันการตีทะลุ (Breakout ) หรือการวิ่งผ่าน (Intersection) เส้นแนวโน้มของราคาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อีกด้วย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราต้องจับตาให้ดี ก็คือจุดที่ราคาถอยกลับนี้จะต้องมีระยะทางไม่ห่างจากเส้นแนวโน้มมากนัก ยิ่งใกล้เท่าไหร่ยิ่งดีเพราะนั่นจะหมายถึงความมีประสิทธิภาพของสัญญาฯซื้อหรือขายที่จะตามมาหลังจากที่ราคาวิ่งผ่านระดับแนวรับหรือแนวต้านที่เกิดขึ้นจากจุดกลับตัวนี้อีกครั้ง แล้วก็เคลื่อนตัวไปตามทิศทางเดิมที่ได้ตีทะลุเส้นแนวโน้มออกมา

ลงทะเบียนทดลองฝึกการเทรด IQ Binary Option ได้ฟรีที่เว็บได้เลยค่ะ
https://affiliate.iqoption.com/redir/?aff=41926&afftrack=Rojjana

สมัคร Neteller ได้ฟรี คลิกที่นี่


วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รูปแบบค้อน(Hammer)

รูปแบบค้อน(Hammer)
ค้อนกลับหัว (Inverse Hammer) และรูปแบบ คนแขวนคอ (Hanging Man) กับดาวตก Shooting Star ในการเทรด IQ Binary Option รูปแบบนี้ถือว่าเป็นจุดกลับตัวได้อีกรูปแบบหนึ่ง แต่ต้องเกิดจุดบนสุด หรือล่างสุดเท่านั้น




และค้อนกลับหัว (Inverse Hammer)  และรูปแบบ คนแขวนคอ (Hanging Man) กับดาวตก Shooting Star

สำหรับรูปแบบแรกจะเกิดที่ฐานของตลาดในขณะที่แนวโน้มอยู่ในขาลง ด้วยลำตัวที่เล็กและหางที่ยาว แสดงให้เห้นถึงแรงซื้อที่เริ่มเข้ามามากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับรูปแบบที่สองแรงขายเริ่มมีมากขึ้นบนยอดสูงของตลาด และส่อให้เห็นว่าเจ้าหมีอาจเข้ามาบงการตลาดในเร็วๆนี้



วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รูปแบบรางรถไฟ Railwan Track Pattern

รูปแบบรางรถไฟ  Railwan Track Pattern




แต่รูปแบบรางรถไฟนี้  ขนาดของแท่งเทียนทั้งสองจะมีขนาดใหล้เคียงกันมาก ผิดกันก็ตรงสีของแท่งเทียนเท่านั้นเอง ในภาวะหมี เมื่อแท่งเทียนสีเขียวลำตัวยาวปรากฏขึ้นถัดมาจาแท่งเทียนสีแดงที่มีขนาดเกือบเท่ากัน แสดงให้เห้นถึงแรงซื้อที่ซ่อนอยู่ตรงฐานของตลาดได้ที่มีเข้ามาอย่างแน่นหนา และแรงซื้อนี้จะกลับกลายเป็นแรงขายหากรูปแบบนี้มันเกิดขึ้นบนยอดสูงสุดของตลาด ด้วยรูปแบบของแท่งเทียนสีแดงที่มีลำตัวยาวในวันถัดมา

สนลงทะเบียนเทรด IQ Binary Option ได้ที่เว็บได้ฟรี
https://affiliate.iqoption.com/redir/?aff=41926&afftrack=Rojjana







วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รูปแบบ คนท้อง Harami





รูปแบบคนท้อง นี้แท่งเทียนแท่งที่2 จะเคลื่อนทีไหวอยู๋ในช่วงแคบๆ ระหว่างราคาสูงและต่ำของแท่งเทียนเล่มก่อนหน้าสีของแท่งเทียนก็แตกต่างกัน โดยปรกติแล้วแท่งเทียนเล่มเล็กกว่ามักมีสีเขียวในภาวะกระทิง  และจะเป็นสีแดงหากรูบแบบนี้เกิดขึ้นบนยอดสูงของตลาด นั่นเป็นการเตือว่าเจ้าหมีได้กลับเข้ามาควบคุมตลาดแล้ว


ลงทะเบียนฝึกการเทรดกับ IQ Binary Option ที่เว็บข้างล่างได้เลยค่ะ
https://affiliate.iqoption.com/redir/?aff=41926&afftrack=Rojjana







รูปแบบดาว (Star) และ ดาวโดจิ (Doji)

รูปแบบดาว (Star) และ ดาวโดจิ (Doji)

รูปแบบทั้ง 2 รูปแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งตรงยอดสูง และยอดต่ำของตลาด  สีของแท่งเทียนไม่สำคัญจะเป็นสีแดง  หรือเขียวก็ได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะแสดงให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย เป็นรูปแบบที่เตือนถึงการกลับตัวของแนวโน้มอีกรูปแบบหนึ่ง

ลงทะเบียนทดลองฝึกการเทรด IQ Binary Option ได้ฟรีที่เว็บได้เลย

https://affiliate.iqoption.com/redir/?aff=41926&afftrack=Rojjana






รูปแบบทิ่มแทง (Piercing Pattern)

รูปแบบทิ่มแทง (Piercing Pattern)  ที่เกิดในภาวะกระทิง และรูปแบบเมฆดำปกคลุม (Dark Cloud Cover ) ซึ่งมักปรากฎขึ้นบนยอดสูงของตลาด เป็นการเตือนถึงภาวะหมีและตลาดอาจมีการกลับตัวบนยอดสูง






รูปแบบนี้แท่งเทียนสีเขียวจะเคลื่อนตัวเข้าไปนแท่งเทียนสีแดงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของลำตัวใน นั่นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของแรงซื้อนที่มีเข้ามตรงบริเวนด้านล่างของตลาดและบนยอดสูง ของตลาด แท่งเทียนสีแดงปรับตัวลดลงมาเกินครึ่งหนึ่งของลำตัวสีเขียว




จะมองยังไงว่าราคาจะทะลุแนวต้านได้หรือไม่



 เราควรสังเกตุตรงไหนและอย่างไร เมื่อราคาเคลื่อนตัวเข้าไปทดสอบเส้นแนวโน้ม เพื่อดูว่าความเป็นไปได้ที่มันจะตีทะลุมีมากน้อยเพียงไร

     คงเป็นการดีมากหากเราสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า ราคามันจะสามารถตีทะลุเส้นแนวโน้มได้หรือไม่ แต่ความจริงที่น่าเศร้าที่น่าเศร้าก็คือเราไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน 100% ได้หรอกจนกว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว


  แต่อย่างไรก็ดียังมีอีกสองสิ่งที่เรารู้แน่ๆ เมื่อราคาเข้าใกล้เส้นแนวโน้ม นั้นก็คือหนึ่งมันเชื่อฟัง หรือสองมันไม่เชื่อฟังเส้นแนวโน้ม  พูดให้เข้าใ่จง่ายๆ ก็คือไม่ตีทะลุ  หรือตีทะลุนั่นเอง ความจริงแล้วสิ่งที่เราต้องคอยจับตาในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่การตีทะลุหรือการวิ่งผ่านเส้นแนวโน้มของราคา แต่เป็นกรูปแบบการก่อตัวของราคาก่อนการขึ้นไปทดสอบเส้นแนวโน้ม ต่างหาก ตรงจุดนี้เองที่มันอาจบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการตีทะลุซึ่งกระบวนการที่ว่านี้ เราอาจจำเป็นต้องนำเอาทฤษฏีอื่นๆ เข้ามาช่วยในการสังเกต อย่างเช่นทฤษฎีของแท่งเทียนที่อ้างอิงถึงรูปแบบการกลับตัว มาใช้ประกอบในการวิเคราะห์ด้วย รูปแบบการกลับตัวของทฤษฎีแท่งเทียนทั้งกลับตัวบนและล่างจะมีประโยชน์ในการช่วยเราวิเคราะห์เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นและสำหรับในกรณี เช่นนี้เราจะเลื่อกเอา 6 รูปแบบของทฤษฎีแท่งเทียนมาใช้

รูปแบบ กลืนกิน (Engulfing Patterns)



1. รูปแบบ กลืนกิน (Engulfing Patterns)
   ในภาวะหมี (Bearish)  นี้ แท่งเทียนสีแดงจะครอบคลุมแท่งเทียนสีเขียวไว้หมดทั้งราคาสูงราคาต่ำบนยอดสูงของตลาด 


ส่วนในภาวะกระทิง (Bullish)
สถานการณ์ก็จะเป็นไปในทางตรงกันข้าม ขนาดของแท่งสีเขียวจะครอบคลุม แท่งเทียนสีแดงไว้ทั้งหมด ตรงบริเวณด้านล่างของตลาด


ควรเข้าตลาดตรงไหนดี

พฤติกรรมของราคา ในขณะวิ่งผ่านเส้นแนวโน้ม
เรามองไปที่การเคลื่อนไหวของราคา หลังจากที่วิ่งผ่านเส้นแนวโน้มมาแล้ว ซึ่งบางครั้งมันก็จะวกกลับไปหาเส้นแนวโน้มนั้นอีกครั้ง หรือบางครั้งก็อาจแสดงอาการลังเลเล็กน้อยก่อนวิ่งต่อไปในทิศทางเดิมที่มันตีทะลุออกมาโดยไม่วกกลับมาเลย

   ปัญหามีอยู่ว่า เราควรเข้าตลาดตรงไหนดี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ หรือขายเพราะหากเราเข้าตลาดตอนที่มันตีทุลุเส้นแนวโน้ม แล้วไม่วกกลับมาเลยก็ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าหารราคาวิ่งไปแล้วระยะหนึ่ง และพอร์ตของคุณก็เริ่มเป็นสีเขียวแล้ว หลังจากนั้นราคาก็เริ่มวกกลับสวนทางกลับการเทรดของคุณ กำไรที่ได้มาในตอนแรกก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนบางทีอาจกลับกลายเป็นขาดทุน

    หากระยะทางการวิ่งกลับไปหาเส้นแนวโน้มที่ถูกตีทะลุนั้นมีระยะห่างพอสมควร หากปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นกับคุณ และคุณเล่น TFEX ผมขอแนะนำว่าทางที่ดีคุณควรออกจากตลาดไปก่อนพร้อมกับกำไรที่อยู่ในพอร์ตเล็กน้อย หรืออาจเท่าทุนแล้วกลับไปรอเข้าตลาดอีกครั้งตอนที่ราคาวกกลับมาทดสอบเส้นแนวโน้ม ซึ่งแน่นอนว่าตรงจัดนี้มันย่อมสูงกว่าจุดที่ถูกตีทะลุแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งคุณสามารถทำ Short ได้ในราคาที่ดีกว่า เพราะราคามักดีดกลับขึ้นไปสูงกว่าจุดที่ตีทะลงมา และในทางกลับกันในแนวโน้มขาลงคุณก็สามาถเปิดสถานะ Long ได้ในราคาที่ดีกว่า เพราะราคาจะลดลงไปต่ำกว่าจุดที่ตีทะลุขึ้นไป


  แต่หากคุณลงทุนในหุ้นสามัญ ทางที่ดีที่สุดก็คือ การทยอยขายทีละครึ่งหนึ่งก่อนตรงจุดที่ราคาปิดต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้น และขายออกที่เหลือเมื่อราคาวกกลับขึ้นทดสอบเส้นแนวโน้มอีกครั้ง

ส่วนในแนวโน้มขาลง กลยุทธ์ก็จะเป็นไปใทางตรงกันข้าม คือซื้อเมื่อราคาปิดสูงกว่าเส้นแนวโน้มครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ต้องการลงทุน และซื้ออีกครึ่งหนึ่งเมื่อราคาถอยกลับลงมาทดสอบเส้นแนวโน้มที่ถูกตีทะลุก่อนหน้านี้อีกครั้ง

วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Pin Bar จะแม่นยำขึ้นเมื่อนำปัจจัยแวดล้อมเข้ามาช่วย

Pin Bar จะแม่นยำขึ้นเมื่อนำปัจจัยแวดล้อมเข้ามาช่วย

  • จากหัวข้อแรก ผมเชื่อทุกท่านคงจะทราบแล้วว่า Pin Bar Signal ต้องอยู่ถูกที่ ถูกทาง จึงจะนำมาใช้เป็นสัญญาณเทรดได้ และ ไม่ใช่ Pin Bar ทุกแท่งที่เกิดจะนำมาวิเคราะห์ได้ ซึ่งเป็นหลักการข้อแรกที่ Price Action Trader อย่างเราต้องรู้
  • ในหัวข้อนี้ผมจะไขข้อสงสัยว่า…แล้วจะรู้ได้ไงว่า Pin Bar แท่งไหน เป็นแท่งที่ควรนำมาวิเคราะห์ ควรนำมาใช้เทรดกัน ?
  • จำไว้นะครับว่า…Pin Bar จะแม่นยำขึ้นเมื่อนำปัจจัยแวดล้อมเข้ามาช่วย !!
  • อะไรคือ ปัจจัยแวดล้อม ? ปัจจัยแวดล้อมคือ สิ่งที่มาช่วยสนับสนุนให้ Pin Bar แท่งนั้น Strong ยิ่งขึ้นครับ!! (อ่านแล้วยัง งง ใช่ไหมครับ)  ถ้า งง เรามาดูตัวอย่าง ปัจจัยแวดล้อมกันครับ
  • ปัจจัยแวดล้อมที่สำคัญข้อแรกที่ผมอยากให้ทุกท่านรู้จัก ก็คือ Trend (แนวโน้ม)
  • วิธีนำมาใช้คู่กับ Pin Bar คือ ถ้าราคาเป็น Uptrend เราจะตีความได้ว่า Bullish Pin Bar มักจะให้สัญญาณที่ Strong กว่า Bearish Pin Bar นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไม Pin Bar ที่เกิดสวน Trend มักจะไปไม่รอดตลอด!! (Fail บ่อย เทรดแล้วขาดทุน)
  • เรามาดูตัวอย่างกันครับ


  • จากตัวอย่างด้านบน จะเห็นว่า Bullish Pin Bar จะ Fail ตลอด เพราะ ราคาเป็น Downtrend นั่นแปลว่า Bearish Pin Bar สัญญาณจะ Strong กว่า (เข้าแล้วกำไร) จะเห็นได้ชัดว่าทั้ง ๆ ที่เป็น Pin Bar เหมือนกันแต่ ตีความต่างกัน ครับ!!
  • ปัจจัยแวดล้อมที่สำคัญต่อมาที่ผมอยากให้ทุกท่านรู้จัก ก็คือ Levels (แนวรับ-แนวต้าน)
  • วิธีนำมาใช้คู่กับ Pin Bar คือ Pin Bar ที่เกิดตรง Key Levels สัญญาณจะ Strong มากกว่า Pin Bar ที่ไม่ได้เกิดตรง Key Levels
  • เรามาดูตัวอย่างกันครับ

  • จากตัวอย่างจะเห็นว่า ก่อนหน้าที่จะเกิด Pin Bar ราคาเป็นแนวโน้มขาลง สังเกตแท่งเทียนก่อนหน้า Pin Bar ให้ดีครับ (ตรงที่ผมตีกรอบสีเหลืองไว้) แท่งเทียนนี้แสดงถึงความเป็น Bearish อย่างมาก เพราะ ตัว Body ใหญ่ และ หางยาวด้วย ถ้าตีความแบบปกติ ก็คือ ราคาก็น่าจะลงต่อสิ แต่จะเห็นว่าแท่งเทียนแท่งนี้ Fail หลังจากเกิด Pin Bar ที่ Key Support สาเหตุก็เพราะ แท่งเทียนแท่งนี้เกิดใกล้กับแนวรับนั่นเองครับ ต่อมาเมื่อมี Bullish Pin Bar เกิดขึ้น จุดนี้เป็นจุดที่สนับสนุนให้สัญญาณ Bullish Pin Bar Strong กว่าแท่งก่อนหน้าก็เพราะ จุดนี้เป็น Key Support (แนวรับสำคัญ) ครับ และจะเห็นได้ชัดว่าหลังจากเกิด Pin Bar ที่ Key Support ราคาเปลี่ยนแนวโน้มทันที
  • จากตัวอย่างที่ผมเอามาให้ทุกท่านดู จะเห็นว่า ทั้ง Trend และ Key Levels นี่แหละครับ ตัวช่วยที่สามารถเพิ่มความแม่นยำให้กับ Pin Bar Signal ได้ และ เป็นหลักฐานที่บอกว่า ทำไมการวิเคราะห์แท่งเทียนเดี่ยว ๆ ถึงใช้ไม่ได้ผล
  • ข้อนี้เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดอยู่ แต่ตอนนี้ทุกท่านที่อ่านบทความของผมเข้าใจตรงกันแล้วนะครับ


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ znipertrade.com

วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สร้างความได้เปรียบด้วยจุดเข้าเทรด

สร้างความได้เปรียบด้วยจุดเข้าเทรด

  • มาถึงเรื่องที่หลายคนเข้ามาถามผมครับว่า รู้จัก Pin Bar แล้วพอจะรู้วิธีเทรดแล้ว แต่มันเข้าตรงไหนอ่ะ ?
  • หัวข้อนี้จะมาตอบคำถามข้อนี้ครับ
  • จุดเข้าเทรดของ Pin Bar หลัก ๆ มีด้วยกัน 2 แบบครับ
  • แบบแรกคือ เข้าบริเวณ Body ของแท่ง กรณีเป็น Bullish Pin Bar เราจะเข้าเทรดตรงส่วนบนของ Body ครับ ถ้าเป็น Bearish Pin Bar เราจะเข้าเทรดตรงส่วนล่างของ Body ครับ
  • แบบที่สองคือ เข้าเทรดที่กึ่งกลางแท่ง กรณีนี้เหมือนกันทั้ง Bullish Pin Bar และ Bearish Pin Bar
  • มาดูตัวอย่างกันครับ
  • https://affiliates.paysafepartners.com/articlelist.asp?s=65315

  • จากตัวอย่างทั้ง 2 รูป ผมแยกจุดเข้าทั้ง Bullish Pin bar และ Bearish Pin Bar ให้อย่างชัดเจน จะเห็นว่า Pin Bar ทั้ง 2 มีวิธีเข้าเทรด 2 แบบ คือ เข้าที่ Body (แถว ๆ High/Low ของแท่ง) ก็ได้ หรือ จะเข้าที่กึ่งกลางของแท่งก็ได้  ครับ


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ  znipertrade.com

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Pin Bar Signal จะไร้ผล ถ้ามันอยู่ไม่ถูกที่ ถูกทาง

Pin Bar Signal จะไร้ผล ถ้ามันอยู่ไม่ถูกที่ ถูกทาง 

  • ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญข้อแรกที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ เข้าใจผิดกันมากเป็นอันดับต้น ๆ เลยครับ
  • เทรดเดอร์หลายคนที่ศึกษาศาสตร์การใช้ Candlestick Pattern หรือ Price Action จะเข้าใจว่า “สามารถวิเคราะห์ รูปแบบแท่งเทียนที่อยู่ในหนังสือ หรือ สื่อต่าง ๆ ได้เลย” 
  • พูดง่าย ๆ ก็คือ คุณเปิดจอ จ้องดูกราฟ ถ้าเจอ รูปแบบแท่งเทียนในหนังสือ ให้ตีความไปตามนั้นอย่างตรงไป ตรงมาได้เลย!!
  • ผมขอบอกเลยครับว่า…ความเข้าใจแบบนี้ผิดมหันต์ และเป็นอันตรายกับการเทรดของเรามาก ๆ 
  • ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? สาเหตุก็เพราะ “รูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดจะไร้ผลทันที ถ้ามันอยู่ในที่ ที่ไม่เหมาะสม”
  • ข้อนี้สำคัญมากนะครับ ผมอยากให้ทุกท่านจำให้ขึ้นใจเลย เพราะนี่คือ หลักการข้อแรกของ Price Action Trader อย่างเรา ๆ
  • ในที่นี้เราพูดถึง Pin Bar Signal งั้นผมขอเจาะลึกเฉพาะ Signal นี้เท่านั้นนะครับ
  • หลักการที่ผมกล่าวไว้ข้างบนใช้ได้กับทุก Signal นะครับ และกับ Pin Bar ที่เราจะกล่าวในนี้ก็ไม่เว้น
  • ถ้า Pin Bar เกิดไม่ถูกที่ เราก็จะไม่ถือว่า มันเป็นสัญญาณครับ เราก็จะตีความว่าเป็นแท่งเทียนแท่งนึงเท่านั้น
  • เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาดูตัวอย่างกันครับ



  • จาก 3 รูปข้างบน จะเห็นว่า Pin Bar ที่เกิด ไม่ถือเป็น Signal เพราะ ราคาวิ่งสวนทางทุกตัว ในทุก Time Frame ตั้งแต่ Daily, H4 และ H1
  • ดังนั้น ถ้าคุณอยากนำ Pin Bar Signal ไปใช้เทรด คุณต้องดูให้ออกว่า จุดที่เกิด Pin Bar นั้น มีน้ำหนักหรือเปล่า ไม่ใช่หวดทุกครั้ง ที่เปิดกราฟแล้วเจอ Pin Bar Signal !! เดี๋ยวผมจะอธิบายในหัวข้อถัดไปครับ


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ znipertrade.com

วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Swing High/Swing Low

Price Action Trader อย่างเรา ๆ ไม่รู้จัก แนวรับ-แนวต้าน ไม่มีทางเทรดได้กำไรแน่นอน จริง ๆ ต้องบอกว่า ต้องไม่ใช่แค่รู้เท่านั้นครับ แต่ต้องใช้อย่างโชกโชนกันเลยทีเดียว!! เพราะอะไรรู้ไหมครับ…เพราะ แนวรับ-แนวต้าน นี่แหละ ตัวเพิ่มความแม่นชั้นดี ให้กับ Price Action ของเราเลย แถมยังเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายเรื่องTrend อีกด้วย เพราะ Trend จะอยู่ หรือ Trend จะไป ขึ้นกับราคาที่ Action กับ แนวรับ-แนวต้านนี่แหละ!! เห็นแบบนี้พอจะรู้หรือยังครับ ทำไมมันถึงสำคัญนัก ถ้างั้นเราไปดู 3 เทคนิคการอ่าน “แนวรับ-แนวต้าน” ให้แม่นด้วย Price Action กันครับ


 Swing High/Swing Low

  •  Swing High/Swing Low

  • Swing High กับ Swing Low จะเรียกย่อ ๆ ว่า High กับ Low ก็ได้ (คนละอย่างกับ High และ Low ในกราฟแท่งเทียน)
  • Swing High และ Swing Low จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อ มีแท่งเทียนประกอบกันหลาย ๆ แท่ง (มากกว่า 3 แท่ง)
  • ทำไมจุดเหล่านี้จึงเกิดขึ้น ? ในขาขึ้น ผู้คนในตลาดเห็นว่าราคาขึ้นมาในจุดที่ควรขายแล้ว จึงขายออก ทำให้ราคาที่ก่อนหน้าวิ่งขึ้นมาเรื่อย ๆ วิ่งต่ำลง ในขาลง ลักษณะการเกิดจะเหมือนกัน ต่างกันที่เป็นแรงซื้อ (ดูรูปด้านล่างประกอบ)

  • แนวโน้มเกิดจาก Swing High และ Swing Low มาประกอบกัน และที่สำคัญ แนวรับ-แนวต้าน ก็เกิดจากจุด 2 จุดนี้ด้วย
  • วิธีดูแนวรับ : ให้ดูที่ราคาล่าสุดแล้วมองย้อนกลับไป ถ้าเจอ Swing Low ก่อนหน้า Swing Low นี้จะเท่ากับ แนวรับ
  • แนวรับเป็นจุดที่ผู้คนเห็นว่าราคาไม่ควรลงไปมากกว่านี้ จึงทำการซื้อพยุงไว้ เป็นจุดที่มี Demand เข้ามา เพื่อพยุงราคาไม่ให้ต่ำลงจากราคาที่พวกเขาคิดไว้
  • ดังนั้น จะเห็นว่า พอราคาวิ่งต่ำลงมาที่แนวรับ ราคามักจะเด้งกลับขึ้นมาเสมอ เราเรียก พฤติกรรมนี้ว่า “ราคาไม่หลุดแนวรับ” หรือ “แนวรับ รับอยู่” (Support Hold)
  • วิธีดูแนวต้าน : ให้ดูที่ราคาล่าสุดแล้วมองย้อนกลับไป ถ้าเจอ Swing High ก่อนหน้า Swing High นี้จะเท่ากับ แนวต้าน
  • แนวต้านเป็นจุดที่ผู้คนเห็นว่าราคาไม่ควรขึ้นไปมากกว่านี้ จึงทำการขายกดเอาไว้ เป็นจุดที่มี Supply เข้ามา เพื่อกดราคาไม่ให้สูงขึ้นจากราคาที่พวกเขาคิดไว้
  • ดังนั้น จะเห็นว่า พอราคาวิ่งสูงขึ้นมาที่แนวต้าน ราคามักจะเด้งกลับลงมาเสมอ เราเรียก พฤติกรรมนี้ว่า “ราคาไม่ผ่านแนวต้าน” หรือ “แนวต้าน ต้านอยู่” (Resistance Hold)
  • เพื่อให้เห็นภาพ แนวรับ-แนวต้าน ชัดเจน ดูรูปด้านล่างประกอบ

  • ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นหลักการหา แนวรับ-แนวต้าน เบื้องต้น ในสถานการณ์จริง ราคาสามารถวิ่งทะลุแนวต้าน หรือ วิ่งหลุดแนวรับได้ทุกเมื่อ ซึ่งเมื่อราคาวิ่งทะลุแนวต้าน หรือ หลุดแนวรับ จะเกิดพฤติกกรรมสำคัญ 2 พฤติกรรม
  • พฤติกรรมแรกเรียกว่า “แนวต้านกลายเป็นแนวรับ” เกิดเมื่อราคาวิ่งทะลุแนวต้านขึ้นไปได้
  • พฤติกรรมที่สองเรียกว่า “แนวรับกลายเป็นแนวต้าน” เกิดเมื่อราคาวิ่งหลุดแนวรับไปได้
  • 2 พฤติกกรรมนี้ เป็นพฤติกรรมที่ผมอยากให้ทุกท่านจำให้ขึ้นใจเลยครับ เพราะ จากประสบการณ์การเทรดของผม 2 พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นตลอดในตลาด Forex 
  • เทคนิคการดูแนวรับ-แนวต้านที่ผมให้ทุกท่านนี้ เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ทุกตลาด และ ทุก Time Frame ครับ!!
  • เพื่ออธิบาย พฤติกรรมทั้ง 2 ให้ชัด ดูที่รูปด้านล่างประกอบได้เลยครับ



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ  znipertrade.com




สิ่งที่ใช้หา Trade Setup

สิ่งที่ใช้หา Trade Setup ก็คือ แนวโน้ม, แนวรับ-แนวต้าน และ สัญญาณจาก Price Action วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมศึกษาและนำมาลองใช้กับตัวเองแล้วพบว่าได้ผลดีมาก เป็นวิธีที่ช่วยให้เรา หา Trade Setup ได้เร็วขึ้น และที่สำคัญไม่ทำให้เราสับสนว่า Trade Setup ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นเป็นของจริง หรือ ของปลอม เทรดเดอร์ชั้นเซียนหลายคนพูดตรงกันว่า คุณไม่จำเป็นต้องรู้วิธีการอ่านกราฟ รู้วิธีการเทรดทุกรูปแบบในตลาด ขอเพียงแค่คุณเชี่ยวชาญในกลยุทธ์ของตัวเอง คุณก็สามารถทำเงินได้มากมายในตลาด Forex จึงเป็นที่มาที่ว่าทำไมการหา Trade Setup ได้อย่างแม่นยำ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากนั่นเองครับ

Price Action Signal ต้องเป๊ะ

 Price Action Signal ต้องเป๊ะ 

  • สำหรับ Price Action Trader เทคนิคนี้ ถือเป็น Signature ของเราครับ เพราะ Price Action Trader จะใช้เพียงกราฟแท่งเทียนในการให้สัญญาณเทรดแทนการใช้ indicator จึงทำให้ต่างจากการเทรดด้วยวิธีอื่น
  • ผ่านไป 2 เทคนิค ผมคิดว่า หลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงเริ่มมองออกแล้วว่า จะเริ่มหา Trade Setup ได้ยังไง
  • แต่ยังมีอีกเทคนิคที่ทุกท่านต้องรู้ครับ นั่นก็คือ เรื่องของ Price Action Signal เพราะ ถึงแม้เราจะแยกได้ว่าควรเปิด Buy หรือ Sell จากเทคนิคในข้อ 1 และ ควรจะเปิด Order ตรงไหน ในเทคนิคที่ 2 แต่เครื่องมือที่จะช่วย ยืนยันได้ดีที่สุด ก็คือ Price Action Signal นี่แหละครับ
  • เพราะ สำหรับ Price Action Trader เราต้องได้รับการยืนยันจาก Signal ก่อนเทรดเสมอ ถึงแม้ Trend จะมา และ แนวรับ-แนวต้าน จะได้ แต่ถ้า Signal ไม่ตามมา ก็เท่ากับว่า จะไม่เกิดการ Action ใด ๆ กับตลาดครับ
  • ดังนั้น Trade Setup ที่สมบูรณ์จะมีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ Trend, แนวรับ-แนวต้าน และ สุดท้าย คือ Price Action Signal ถ้าขาดอันใด อันหนึ่งไป ก็จะไม่ใช่ Trade Setup ที่สมบูรณ์และเราก็จะไม่เทรดครับ



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ  znipertrade.com

หา แนวรับ-แนวต้าน ให้แม่น

เทคนิค “หา Trade Setup” ให้แม่นสุด ๆ

หา แนวรับ-แนวต้าน ให้แม่น 

  • เทรดเดอร์หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า แนวรับ-แนวต้าน นั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ Price Action Trader
  • สาเหตุที่ แนวรับ-แนวต้าน สำคัญ ก็เพราะ แนวรับ-แนวต้าน คือ สิ่งที่จะบอกว่า Trade Setup เกิดตรงไหน 
  • แนวรับ-แนวต้าน เป็น 1 ในตัวช่วย ที่ทำให้เราแยกออกได้ว่า Trade Setup ไหนเป็นของจริง และ อันไหนเป็นของปลอม
  • ยิ่งในตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Forex แนวรับ-แนวต้าน ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ ในตลาด Forex นั้น สัญญาณหลอก มีเยอะมาก หากเราไม่แยกก่อนว่า จุดไหนเป็นจุดที่ Trade Setup มีความแม่นยำสูง Order ที่เราเปิดจะมีโอกาสขาดทุนสูงมาก เพราะ จะไปเจอกับจุดที่เป็น Trade Setup ปลอม
  • เคล็ดลับสำคัญของ การใช้แนวรับ-แนวต้าน ในการหา Trade Setup มีด้วยกัน 2 ข้อ
  • Trade Setup ที่เกิดตรง แนวรับ-แนวต้าน –> จะเป็นของจริง (มีโอกาสชนะมากกว่า) –> เป็นจุดเทรด
  • Trade Setup ที่ไม่เกิดตรง แนวรับ-แนวต้าน –> จะเป็นของปลอม (มีโอกาสแพ้มากกว่า) –> ไม่ใช่จุดเทรด
  • ทั้ง 2 เคล็ดลับ สรุปง่าย ๆ ก็คือ การมองหา Trade Setup ที่เกิดตรง แนวรับ-แนวต้าน จะช่วยให้เราทำเงินได้ นั่นเอง

อ่าน Trend ให้ขาด

เทคนิค “หา Trade Setup” ให้แม่นสุด ๆ 

อ่าน Trend ให้ขาด

  • Trade Setup ก็คือ จุดที่เราใช้เทรด ซึ่งจะมีได้ก็ต่อเมื่อเรามีกลยุทธ์การเทรด
  • สำหรับ Price Action Trader อย่างเรา ๆ ผมบอกได้เลยว่า Trend นั้นสำคัญมากครับ
  • Trend นี่แหละจะเป็นสิ่งที่บอกว่า เรากำลังหา Trade Setup แบบไหน ?
  • ในตลาด Forex ที่เราสามารถเทรดได้ทั้ง Buy และ Sell Trend จะยิ่งสำคัญมาก เพราะ หากคุณหา Trade Setup ไม่แม่น ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมองหาอะไรในตลาด การ Action ของคุณก็จะผิดพลาด เพราะ ได้ข้อมูลมาแบบผิด ๆ
  • สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ผมอยากให้ทุกท่านรู้ ก็คือ เรื่องของการอ่าน Trend เพราะ Trend ช่วยแยกว่า ตอนนั้นเรากำลังมองหา Trade Setup แบบไหน และต่อไปนี้คือเคล็ดลับสำคัญ ที่ผมอยากแชร์ครับ
  • ถ้า Trend เป็นขาขึ้น –> เราต้องมองหา Buy Trade Setup 
  • ถ้า Trend เป็นขาลง –> เราต้องมองหา Sell Trade Setup
  • จากเคล็ดลับทั้ง 2 ข้อ ข้างบน เป็นเทคนิคที่คุณต้องจำให้ขึ้นใจเลยครับ มันอาจฟังดูเหมือนง่าย ไม่มีอะไรเลยใช่ไหมครับ
  • แต่เพราะความง่ายของมัน ทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ฝ่าฝืนกฎข้อนี้ เมื่อฝ่าฝืนกฎข้อนี้เลยทำให้เกิดการ Trade สวน Trend เกิดขึ้น และนี่จึงเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ขาดทุน
  • ถ้าคุณไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมองหาอะไรในตลาด อย่างแรกผมแนะนำให้เริ่มจากการอ่าน Trend ให้ขาด บอกให้ได้ก่อนว่า ณ ขณะนั้นตลาดกำลังอยู่ใน Trend อะไร บอกได้ข้อนี้ ข้อเดียว เราก็จะรู้แล้วครับ ว่าเราต้องมองหา Trade Setup แบบไหน


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ  znipertrade.com

Engulfing

กระบวนท่าที่ 4 : Engulfing 

  • Engulfing แปลว่า กลืนกิน ซึ่งตรงกับลักษณะรูปแบบสัญญาณของแท่งเทียนนี้
  • ลักษณะของแท่งเทียน Engulfing นั้นเหมือนชื่อเรียกเลยครับ นั่นก็คือ แท่งเทียนจะกลืนกินแท่งเทียนก่อนหน้า (มีขนาดใหญ่กว่าจนคลุมพื้นที่แท่งเทียนก่อนหน้า) ดูลักษณะแท่งเทียนที่รูปด้านล่าง
  • รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่ตลาดตัดสินใจเลือกทางระหว่างวัน
  • ตัวอย่างการเกิด Bullish Engulfing ราคาเปิด (Open) จะถูกกดดันจากแรงขายในช่วงแรก แต่ต่อมามีแรงซื้อเข้ามามากทำให้ราคาถูกดันขึ้นไปจนราคาปิด (Closed) ปิดสูงกว่าราคาเปิด (แสดงถึงความเป็นกระทิง – Bullish) จนแท่งเทียนมีอาณาเขตครอบคลุมแท่งเทียนก่อนหน้า (ลักษณะกลืนกินแท่งเทียนก่อนหน้า) นั่นเอง (กลับกัน Bearsigh Engulfing)
  • รูปแบบ Engulfing เป็น อีกรูปแบบของ Price Action ที่ให้โอกาสชนะสูง (Winning Probability) ซึ่งขึ้นอยู่กับ ขนาดของแท่งเทียน กลืนกิน และ จุดที่เกิดสัญญาณ ปัจจัยทั้งหมดจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับสัญญาณนี้





ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเว็บ  znipertrade.com

Inside bar false-break

กระบวนท่าที่ 3 : Inside bar false-break

  • inside bar false-break เรียกสั้น ๆ ว่า False-Break
  • ลักษณะจะคล้ายกับ inside bar ที่กล่าวไว้ด้านบน แต่จำนวนแท่งที่พิจารณาจะมากกว่า ดูที่รูปด้านล่าง แสดงลักษณะ Bearish False-Break
  • ลักษณะทั่วไปคือ มี 4 แท่ง 2 แท่งแรก คือ inside bar แท่งที่ 3 คือ แท่งที่ตลาดเลือกทาง (False-Break) แท่งที่ 4 แท่งสุดท้าย คือ แท่งที่ตลาดตัดสินใจเคลื่อนที่ไปอีกทาง (ทิศทางจริง)
  • จุดสำคัญ คือ แท่งที่ 3 ซึ่งเป็นแท่งที่ตลาดวิ่งทะลุไปยังทิศทางนั้น จะทำให้เราเข้าใจผิดคิดว่า ตลาดได้ตัดสินใจไปยังทิศทางนั้นแล้ว แต่สุดท้ายตลาดกลับวิ่งสวนทาง
  • ในสถานการณ์จริง การวิเคราะห์แท่งเทียน False-break นี้ ต้องใช้คู่กับ ปัจจัยอื่น ๆ ด้วยเสมอ เพราะ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เราตีความผิด คิดว่าเป็น สัญญาณจาก inside bar





ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ  znipertrade.com

Inside bar

กระบวนท่าที่ 2 : Inside bar 

  • inside bar จุดเด่นคือ เป็นแท่งเทียนคู่ แท่งแรกยาวกว่า แท่งที่สอง (ดูที่รูปด้านล่าง)
  • แท่งแรกที่ยาวกว่าเราเรียกว่า “Mother Bar” แท่งที่สองที่สั้นกว่า จะอยู่ในบริเวณของแท่งแรก จึงเรียกว่า inside bar
  • inside bar มีอีกชื่อเรียกก็คือ Harami จะเรียกแบบไหนก็ได้แล้วแต่สะดวกเลยครับ
  • รูปแบบนี้เป็นรูปแบบของการลังเล หรือ แรงของกระทิงกับหมีมีเท่า ๆ กัน (ตลาดยังไม่ตัดสินใจเลือกทาง)
  • การเกิด Bullish inside bar คือ แท่งเทียนแท่งที่ 3 ทะลุ ราคาสูงสุด (High) ของ Mother Bar
  • การเกิดรูปแบบนี้ตีความได้ว่า กระทิงชนะหมี (แรงซื้อชนะแรงขาย) และตลาดตัดสินใจเลือกวิ่งขึ้น
  • การเกิด Bearish inside bar คือ แท่งเทียนแท่งที่ 3 หลุด ราคาต่ำสุด (Low) ของ Mother Bar
  • การเกิดรูปแบบนี้ตีความได้ว่า หมีชนะกระทิง (แรงขายชนะแรงซื้อ) และตลาดตัดสินใจเลือกวิ่งลง





ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ znipertrade.com

Pin Bar

 รูปแบบแท่งเทียนที่มีจำนวนมากเหล่านั้น เราเลือกนำมาใช้เพียงไม่กี่รูปแบบก็สามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดผมรวบรวมให้ทุกท่านในบทความนี้แล้วครับ

กระบวนท่าที่ 1 : Pin Bar 

  • แท่งเทียน Pin Bar มาจาก Pin ที่แปลว่า เข็ม สาเหตุเพราะ แท่งเทียนมีลักษณะคล้ายกับเข็ม (ดูที่รูปด้านล่าง)
  • แท่งเทียน Pin Bar จะเรียกอีกชื่อว่า Hammer หรือ ค้อนก็ได้ (แล้วแต่จะเรียกเลยครับ)
  • ลักษณะสำคัญของแท่งเทียน Pin Bar คือ มีหางที่ยาว และมี body ที่เล็ก
  • รูปแบบนี้เป็นรูปแบบของการเกิด False-break ระหว่างวัน
  • ตัวอย่างเช่น การเกิด Bullish Pin Bar จะเกิดเมื่อมีแรงขายกดราคาอย่างต่อเรื่อง แต่ต่อมาก็มีแรงซื้อสวนกลับขึ้นมาจนแรงขายต้านไม่อยู่ ทำให้แรงซื้อชนะ และจบวันด้วยการเกิดแท่งเทียน Pin Bar ขึ้น (พูดง่าย ๆ ก็คือ กระทิงชนะหมี) กลับกันใน Bearish Pin bar
  • ถึงแม้แท่งเทียนลักษณะนี้จะมีจุดร่วมเป็น รูปร่างที่คล้ายกัน คือ มีหางยาว body เล็ก คล้ายเข็ม แต่ความแรงของแต่ละรูปแบบที่เกิดนั้นไม่เท่ากัน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่เราต้องพิจารณาด้วย



ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ znipertrade.com



วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

การเข้าเทรด IQ Binary Option ต้องมีหลักการที่ชัดเจน



ในการเข้าเทรด IQ Binary Option ต้องมีหลักการที่ชัดเจน

ถ้าไม่มี KPI ในการเทรดที่ชัดเจน ห้ามทำการเทรดไบนารี่ ออฟชั่นเด็ดขาด

คำว่า KPI ในที่นี้คือ ผมต้องการให้คุณมีข้อตัดสินใจให้ชัดเจนครับ ซึ่งโดยปกติแล้ว เราจะดูกราฟ + Indicator ประกอบการเทรดเสมอๆ ดังนั้นก่อนคุณออกไม้ คุณต้องตอบให้ได้ว่า เพราะเงื่อนไขอะไรถึงได้ตัดสินใจออกไม้อันนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว การเทรดก็จะไปอยู่ในรูปแบบของการพนันเช่นกัน

ถ้าไม่มี KPI ในการเทรดที่ชัดเจน ห้ามทำการเทรดไบนารี่ ออฟชั่นเด็ดขาด


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากทางเว็บ thailandoption

อย่าเทรดเบิ้ลเด็ดขาด ถ้าคุณยังไม่มีแผนการ


ในการเทรด IQ Binary Option 

อย่าเทรดเบิ้ลเด็ดขาด ถ้าคุณยังไม่มีแผนการ

สิ่งที่ผมเจอมากที่สุดเลยสำหรับคนใหม่ คือการเทรดโดยที่เบิ้ล Lot และเป็นการเบิ้ลเพราะอารมณ์พาไปล้วนๆ เช่นเทรดแล้วแพ้ เป็นต้น ถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่าไม่ดีเอามากๆเลยครับ และจะเป็นการฝึกนิสัยของการเทรดไบนารี่ ออฟชั่นในรูปแบบของการพนัน ส่งผลให้ในที่สุดแล้วเราจะล้างพอร์ต หรือพอร์ตระเบิดอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าทำแบบนี้เด็ดขาด

เคล็ดลับง่ายๆในการบริหารการเงิน เพื่อใช้เทรด




เคล็ดลับง่ายๆในการบริหารการเงิน เพื่อใช้เทรดไบนารี่ออฟชั่น


หลายๆคนสามารถทำกำไรได้จากการเทรดไบนารี่ออฟชั่นครับ แต่เนื่องจาก บางคนอาจเทรด โดยไม่มีหลักการที่ถูกต้อง ส่งผลให้เวลาเทรดไปแล้ว ให้ความรู้สึกว่าเป็นการพนัน ส่งลผให้ตนเองมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเทรดนั่นเอง ดังนั้นเพื่อลดโอกาสในการสูญเงินทุนของคุณโดยใช้เหตุ ลองนำเทคนิคง่ายๆต่อไปนี้ไปปรับใช้ดูนะครับ

1.กำหนดไปเลยว่าแต่ละเดือนนั้นใช้เงินเทรดไบนารี่ออฟชั่นเท่าไหร่

คุณต้องกำหนดเงินลงไปให้ชัดเจนเลยนะครับว่า ในแต่ละเดือนนั้นต้องการเทรดไบนารี่ ออฟชั่นด้วยเงินเท่าไหร่ เช่นนำเงิน 20% ของรายได้ของคุณในแต่ละเดือนมาเทรด ผมคิดว่าสำหรับคนไทยนั้นตัวเลขเริ่มต้นที่น่าจะนำมาเป็่นเงินทุนเพื่อเทรดไบนารี่ ออฟชั่นคือ 3,000 บาทขึ้นไปครับ
เหตุเพราะเมื่อเราต้องใช้หลักมาร์ติงเกล เข้ามาบริการพอร์ต เงินของเราจะได้ไม่หมดก่อนที่เราจะเกิดตาที่สามารถทำกำไรได้ครับ
ดังนั้นกำหนดไปเลยให้แน่ชัด ว่าจะใช้เงินเท่าไหร่
20 % ของรายรับต่อเดือน เพื่อการเทรดไบนารี่ ออฟชั่นอย่างมีคุณภาพ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ thailandoption มากน่ะค่ะ

การเทรดที่ผิดพลาด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง

การเทรดที่ผิดพลาด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง


การเทรดที่ผิดพลาด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง
ลงทะเบียนเรียนรู้ได้ฟรีที่เว็บได้เลยค่ะ
http://affiliate.iqoption.com/redir/?aff=41926&afftrack=rojjana

1.ไม่มีความรู้ด้านการเงินของตลาด


คนส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขามีจุดประสงค์เพื่อความสำเร็จ แม้ว่าพวกเราไม่มีรู้อะไรเลยเกี่ยวกับการทำงานของเงินในตลาด นั้นเป็นความเข้าใจที่เลวร้าย ความสามารถในการอ่านชาร์ทนั้นไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยที่สำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องนี้เป็นความจริงที่สุดครับ ผมบอกเลยครับว่า มีคู่เงินมากมายให้เราเลือกเทรดไบนารี่ออฟชั่น แต่เราไม่จำเป็นเลยครับที่ต้องเทรดทุกคู่เงิน ขอเพียงเลืกตัวที่เราเข้าใจตลาดมากที่สุดก็พอ
ถ้าเรามีความรู้ด้านตลาดการเงินตัวที่เราเทรด จะช่วยให้เราทำกำไรจากไบนารี่ออฟชั่นได้มากกว่าที่คิดครับ

2.นำอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง


มันคือความจริงที่การเทรดเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องปกติที่นักเทรดจะสูญเสียการควบคุมหลังจากการชนะหรือแพ้อย่างต่อเนื่อง การนำอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องอาจจะทำให้ไม่มีที่สำหรับการเทรด! เพื่อที่จะอยู่ในระดับผู้นำ ลองกำหนดลิมิตจำนวนการเทรดในแต่ละวัน หรือปริมาณรวมในการเทรด
ข้อนี้เป็นเรื่องที่เหมือนควบคุมง่าย แต่ทำยากครับ อันเนื่องมาจาก เรามักจะมีอารมณ?ร่วมไปกับการเทรดด้วย เช่นเห็นจังหวะของกราฟน่าจะเปิด buy บางทีเราเปิดออเดอร์ โดยที่ไม่ดูสัญญาณพื้นฐานใดๆเลย แบบนี้แม้ได้ในตอนแรกๆ แต่สุดท้ายจะเสียครับ ดังนั้น หากจะเทรดไบนารี่ออฟชั่นให้สำเร็จ ต้องคุมเรื่องนี้ให้ได้

3.เชื่อมั่นในอินดิเคเตอร์และสัญาณต่างๆมากเกินไป


ไม่มีเครื่องมือการเทรดชิ้นใดที่สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ตลาดได้อย่างไม่มีที่ติในทุกๆครั้ง อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคและสัญญาณต่างๆควรจะเป็นเพียงตัวเสริมการวิเคราะห์ และไม่ควรนำมาเป็นตัวกำหนดการเทรดของคุณ
จริงๆแล้วเรื่องนี้อา่จต้องตีความลึกลงมาหน่อยครับ นั่นคือ อินดี้หรือสัญญาณต่างๆนั้นๆ โดยปกติแล้ว เราจำเป็นต้องใช้หลายๆตัวประกอบกันครับ ยิ่งถ้าเป็นตลาดไบนารี่ออฟชั่น เราต้องใช้อย่างน้อยก็ 2-3 ตัวครับ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวที่มันน้อย! และเทคนิคลับ! คือ พยายามใช้อินดี้นอกกราฟ หมายถึง เลือกซื้อ อินดี้ที่ดีๆ และติดตั้งบน forex แพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้เพิ่มความแม่นยำมากยิ่งขึ้นในตลาด

4.การทดสอบกลยุทธ์ที่ไม่เพียงพอ


หากคุณไม่ได้ทดสอบกลยุทธ์ของคุณภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่างคุณ ความเสี่ยงต่อการล้มเหลวจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แนะนำให้ใช้บัญชีฝึกฝนก่อนที่จะนำกลยุทธ์ไปประยุกต์ใช้เงินทุนจริงของคุณ
เอาจริงๆนั้น ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ที่เทรดไบนารี่ออฟชั่น จะไม่เคยทดสอบกลยุทธ์เลย กล่าวคือ จะเข้าเทรดเลย และถ้าคิดจะใส่อินดี้ก็จะใส่เลย การทำแบบนี้ ถือว่ามีอันตรายมากครับ
กลยุทธ์ทุกตัวที่เราจะเทรด ต้องผ่านการทดสอบอย่างน้อย 30 วัน หรือเราจะเรียกว่าเทรดใน Lab ก่อนก็ได้ ซึ่งหากเป็นการเทรดใน Lab จะสามารถทดสอบผลได้ กำไรขาดทุน อาจไม่ต้องกังวลมากนัก
แต่ถ้าเป็นการเทรดจริง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันมากครับ

5.ดำเนินการต้านทิศทางตลาด


จงจำคำพูดที่ว่า: ‘ทิศทางคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ’ แม้ว่าจะคุณจะเห็นว่าทิศทางนั้นมีความผิดปกติ – ปล่อยให้มันเป็นไป อย่าตัดสินใจเทรดด้วยลางสังหรณ์หรือพยายามที่จะชิงไหวชิงพริบกับตลาด
เทรนด์ไลน์ คือเพื่อนที่ดีที่สุดครับในการเทรดไบนารี่ออฟชั่น และคุณห้ามเทรดนอกทิศทางอย่างเด็ดขาด ไม่ว่ากราฟมันจะแสดงผลออกมาอย่างยั่วใจมากเพียงใดก็ตาม เน้นเทรดไปตามทิศทางของเทรนด์ไลน์ ผมบอกเลยว่า โอกาสเจ็บหนักมีน้อยกว่าการเปิดสวนเป็นอย่างมาก



ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บ thailandoption มากน่ะค่ะ

adsene

เริ่มต้นเทรดผ่านไอคิว

เริ่มต้น By combining IQ Option’s strongest points, the landing page can help you convert not only new users, but also professional traders...